แกงไตปลา เมื่อพูดถึงอาหารปักษ์ใต้คงจะไม่มีใครไม่เคยทานแกงไตปลามาก่อน ถือเป็นอาหารหลักในทุกภาค และมีทั้งแกงไตปลาแห้งและน้ำ มันขึ้นอยู่กับคุณ. ด้วยความเผ็ดอันเป็นเอกลักษณ์ของพริกแกง กับพริกแกงที่มีรสเผ็ดจัดจ้านถึงแม้สีจะดูไม่น่ารับประทานมากนักก็ตาม แต่ถ้าใครได้กินรับรองว่าต้องเติมข้าวรอบสองแน่นอน ไตปลาหรือท้องปลาเป็นอาหารหมักดองชนิดหนึ่งของภาคใต้
โดยใช้กระเพาะของปลาเหมือนปลาทูที่เรารู้จักกันดี นอกจากนี้แกงใต้ยังมักรับประทานคู่กับขนมจีนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีไข่เป็ดลวกอีกด้วย ผักสดต่างๆ จากภาคใต้ เรียกได้ว่าแกงไตปลาถือเป็นเมนูยอดนิยมที่หารับประทานได้ตามร้านอาหารทั่วไปในปัจจุบัน วันนี้ Hungry Tiger เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบแกงปักษ์ใต้นี้มาก วันนี้เลยอยากลองมาเรียนทำกินเองที่บ้านดูครับว่ารสชาติจะเหมือนกับร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ที่เราเคยกินเมื่อก่อนหรือเปล่าครับ ทำเองแล้วบอกเลยว่าอร่อยมาก
ส่วนผสมและวัตถุดิบในการทำ แกงไตปลา
- มะเขือเปราะ 15 ลูก
- หน่อไม้สด 5 หัว
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- มะขามเปียก 1 ช้อนชา
- กะปิ (เคย) 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกแกงไตปลาสําเร็จรูป 2 ขีด
- มะเขือพวง 1 ขีด
- ถั่วฝักยาว 1 ขีด
- ฟักทอง 1 ส่วน 4
- ตะไคร้ 4 ต้น
- ใบมะกรูด 20 ใบ
- ไตปลา 1 ขวด
- ปลาทูนึ่ง 2 ตัว
สำหรับ เมนู แกงไตปลา
วิธีทำแกงไตปลาพร้อมขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
1.ต้มน้ำไตปลาก่อน ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปเพื่อลดกลิ่นคาว ตามด้วยมะขามเปียกเพื่อตัดรสชาติ รอให้น้ำไตปลาเดือดก่อนแล้วจึงเติมน้ำสะอาดตามลงไปประมาณครึ่งแก้ว ห้ามคนเพราะจะทำให้ไตปลามีกลิ่นคาวได้
2.ตั้งน้ำให้เดือด พอน้ำเดือดแล้วใส่น้ำพริกแกงไตปลาลงไป แล้วเพิ่มความหอมด้วยกะปิเคย คนให้น้ำพริกแกงและกะปิละลายให้เข้ากัน พอน้ำเดือดแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำไตปลาที่เราต้มไว้ใส่ลงไปในหม้อ ดับกลิ่นด้วยใบมะกรูด และใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเพื่อตัดรสชาติ วันนี้เราจะไม่ใส่น้ำปลา เพราะไตปลาเรามีรสชาติเค็มแล้ว
3.เรามาใส่ผักก่อนเลย อับดับแรกเราใส่ฟักทองก่อน ระหว่างนี้เราตักฟองที่ลอยขึ้นมาออกได้ แล้วตามต่อด้วยการใส่ปลาทูนึ่งที่เราเตรียมไว้แกะเอาก้างออกให้เรียบร้อย ตามด้วยมะเขือพวง
4.ใส่หน่อไม้สด ที่เราซื้อมาต้มเอง พอฟักทองสุกดีแล้ว ให้ใส่มะเขือเปราะลงไป พอมะเขือเปาะสุกดีแล้ว ตามด้วยถั่วฝักยาวเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตั้งไฟเดือดประมาณ 5 นาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5.เพื่อนๆ สามารถชิมรสชาติได้ตามที่เราชอบ แกงที่เราทำจะมีรสชาติเผ็ดร้อนของเครื่องแกงสมุนไพร มีรสชาติออกเค็มตัดด้วยความหวานของน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เพื่อนๆ ก็สามารถเพิ่มหรือลดวัตถุดิบได้ตามที่เราชอบ หากเพื่อนๆ ชอบทานผักก็สามารถใส่ผักเพิ่มอีกได้ตามที่เราต้องการ ส่วนปลาทูบางคนจะนำไปทอดก่อนก็สามารถทำได้ หรือจะใส่แบบไม่ได้ทอดอย่างเสือหิวก็สามารถทำได้ ส่วนรสชาตินั้นบอกเลยว่าต้องเผ็ด ร้อน มีรสชาติเค็ม มีความหวานตามเล็กน้อย เพื่อนๆ ชิมรสชาติก่อนเติมน้ำปลาด้วยนะคะ เพราะไตปลาจะมีรสชาติเค็มมาก หากอาหารมีรสชาติเค็มจะแก้ยาก เพื่อนๆ ก็ลองทำทานกันดูนะคะ
ร้านอาหารใต้รสจัดจ้านถึงใจ ยกครัวปักษ์ใต้สู่เมืองกรุงฯ
- The South
เรื่องจริงของอาหารใต้สุดอร่อยพร้อมไฟกระพริบชุดใหญ่ทั้งเครื่องครัว เชฟ และวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาชมได้ยากส่งตรงจากนครศรีธรรมราชเพื่อกระจายความอร่อยอย่างทั่วถึง แต่ละเมนูเข้มข้น เผ็ดร้อน สูตรเฉพาะจากปักษ์ใต้ กินแล้วจะไม่ร้องไห้ ฉันจะแจ้งให้คุณทราบ - ปากนัง (PakNang) ร้านอาหารใต้แห่งใหม่ปากซอยอารีย์ 5 ที่เธอและเพื่อนได้นำสูตรเครื่องแกงเข้มข้นถึงใจของคุณยายละมูลคนดังจากปากพนัง นครศรีธรรมราช มาเสิร์ฟในร้านสไตล์วินเทจชวนฝันอันเห็นได้จากเฟอร์นิเจอร์ภายในร้านที่ล้อไปกับเสียงเพลงย้อนยุค
- DIN DIN Thai Cuisine ร้านที่เสิร์ฟเมนูอาหารใต้รสชาติจัดจ้าน ความพิเศษที่ทำให้ทุกคนต้องติดใจแน่ๆ หากได้ลิ้มลอง คือรสชาติและเสน่ห์ของอาหารใต้ที่ถ่ายทอดจากรสมือคุณพ่อและคุณแม่ของคุณมายดังนั้นในทุกๆ คำที่คุณได้กินอาหารจากร้านนี้ ก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าเหมือนกำลังกินข้าวอยู่ที่บ้าน
แกงไตปลา (ภาคกลาง) หรือท้องปลา (ภาคใต้) เป็นอาหารหมักชนิดหนึ่ง การใช้กระเพาะปลา เช่น ปลาทู ปลาการ์ฟิช ปลาดุก ปลาช่อน หรือปลาอื่นๆ หมักด้วยเกลือ เมื่อคุณเอาอุจจาระและน้ำดีออกจากท้องเป็นครั้งแรก คุณสามารถปล่อยให้มันหมักเป็นเวลา 10 ถึง 30 วัน ไตปลาจะกลายเป็นของเหลวและเป็นมัน สามารถใช้ประกอบอาหารได้หลายประเภท เช่น ข.ไตปลา น้ำจิ้มคล้ายน้ำพริกภาคกลาง หรือแกงกระเพาะปลาเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดพัทลุง ไตปลา ก็ผัดพริกแกงด้วย เพิ่มปลาขิงและผัก ที่เรียกว่าไตปลาแห้ง [1]
ไตปลาที่ใช้ทำน้ำจิ้มเป็นที่มาของอาหารหลวงที่เรียกว่าไตปลาสังข์ เตรียมแบบเดียวกับน้ำพริกปลาไทย ยกเว้นไตปลาที่มีกลิ่นคาวให้เอาออก ให้ใส่ส่วนผสมอื่นๆ เช่น กุ้ง[2] แทน และทำเป็นว่าเป็นอาหารในพระราชนิพนธ์เรื่องอาหารคาวหวานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทความแนะนำ